วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ดีท๊อกซ์ ด้วยการสวนทวารเพื่อล้างพิษลำไส้ใหญ่และตับ


การเอาพิษออกด้วยวิธีการสวน เป็นการทำความสะอาดอวัยวะภายใน โดยใช้น้ำต่างๆ ตามเหมาะสม
เช่น น้ำกาแฟ น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว น้ำสมุนไพร เช่น ลูกใต้ใบ (ช่วยเกี่ยวกับตับ)
การสวนช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีขึ้น บางท่านคิดว่า ตนเองถ่ายทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องสวน
เพราะเข้าใจว่าดีท๊อกซ์ คือการสวนเอาอุจจาระออก แต่ที่จริงแล้ว การทำดีท๊อกซ์นั้
เพื่อระบายพิษออกจากร่างกาย เป็นการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และตับการสวน
ได้ระบายอุจจาระไปพร้อมกัน อันเป็นผลพลอยได้
อุปกรณ์สำหรับทำดีท๊อกซ์ 
1.หม้อสวน (รวมสาย,หัวสวน)
2. ถุงสวน หรือ
3. ขวดสวน ทำเองได้ ล้างง่าย ผึ่งแห้งง่าย ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด
น้ำสำหรับดีท๊อกซ์
1. น้ำกาแฟ ใช้กาแฟคั่วบริสุทธิ์ (ไม่ปรุงแต่ง) 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าบางท่านเห็นว่ามากไปอาจใช้ 
2 ช้อนชา) ต้มกับน้ำ 1 ลิตรครึ่ง (1,500 ซีซี สำหรับผู้ชายร่างใหญ่) หรือน้ำ 800-1,200 ซีซี 
สำหรับผู้หญิง ต้มจนน้ำเดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ รอจนน้ำอุ่น ประมาณ 37 องศาเซลเซียสเท่ากับอุณหภูมิร่างกาย จึงใช้สวน อย่าใช้น้ำกาแฟร้อนจัดสวน อาจแช่ภาชนะที่ใสน้ำกาแฟในน้ำเย็น 
เพื่อช่วยคลายความร้อนก็ได้ ถ้าน้ำกาแฟเย็นเกินไปจะมวนท้อง

อีกวิธีหนึ่ง ต้มน้ำเปล่า 800-1,500 ซีซี ให้เดือดใส่กาแฟคั่วป่นบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะ ลงไปต้ม 

3-5 นาที แล้วใช้ไฟอ่อนๆ เคี่ยวคาเฟอีนต่อ 15 นาที กรองกากออก ทิ้งไว้ให้อุ่น จึงใช้สวน 
หรืออาจใช้น้ำ 300 ซีซี กาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ ต้มให้เดือดลดไฟให้อ่อนลง เคี่ยวต่อจนน้ำ
เหลือประมาณ 200-250 ซีซี จะได้น้ำหัวเชื้อกาแฟ กรองเอากากทิ้ง เก็บหัวเชื้อไว้ในตู้เย็น 
ตอนจะสวน เอาหัวเชื้อผสมกับน้ำอุ่น 600-1,000 ซีซี อาจเก็บหัวเชื้อกาแฟไว้ในกระติกน้ำร้อน 
ใช้สวน(ผสมน้ำกะให้อุ่น) ระหว่างเดินทางไกล ซึ่งมักอึดอัดแน่นท้อง เพราะนั่งนาน ถ่ายลำบาก

2. น้ำส้มมะขาม ส้มมะขาม 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ 
รอจนน้ำอุ่นจึงสวน 

3. น้ำมะนาว มะนาว 3-5 ลูก คั้นน้ำ กรองกากและเมล็ดออก ผสมน้ำอุ่นตามขนาดที่จะใช้สวน

4. น้ำลูกใต้ใบ ซองสำเร็จรูป ใช้2-3 ซอง ต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือด กรองเอาแต่น้ำ
รอจนอุ่นจึงใช้สวน
ต้นสด ใช้ต้นสูง 1- 1ฟุตครึ่ง 3 ต้น มัดเป็นกำต้มกับน้ำ 800-1,500 ซีซี จนเดือดกรองเอาแต่น้ำ 

รอจนน้ำอุ่นจึงใช้สวน
**ทำไมต้องสวนด้วยน้ำกาแฟและมะนาว***
การสวนท้องให้ปลอดภัย สิ่งที่ใส่เข้าไปนั้นต้องให้มีสภาพเป็นกรด เพราะลำไส้ใหญ่ปกติจะมีสภาพเป็นกรด การสวนด้วยกาแฟมี pH = 5 มะนาวมี pH=2 นั้นถูกต้องแล้ว การสวนด้วยกาแฟจะไปเอาพิษออกจากตับ แต่การสวนด้วยมะนาวไปทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ได้ดีกว่า เนื่องจากมีความเป็นกรดมากกว่า จะช่วยเร่งการบีบตัว เอาของสกปรกในลำไส้ใหญ่ออกได้ดีกว่า จะใส่น้ำมะนาวมากน้อยแล้วแต่สภาพท้องผูกของแต่ละบุคคล หรือผสมเข้าไปทั้งสองอย่างเลย ก็ไม่เสียหายอะไรเพราะเป็นกรดด้วยกันทั้งสองอย่าง และก็แยกหน้าที่กันไปทำงานคนละจุด
การทาหัวสวน
-ถ้าเป็นไปได้ใช้วิตามิน E ชนิดบรรจุแคปซูล ใช้น้ำมันวิตามินอีทาหัวสวนหรือปลายท่อถุงสวน 
เพื่อการหล่อลื่น สวนง่าย
-เค วาย เจลลี่ (K-Y jelly)หรือเจลลี่ที่ทำจากว่านหางจระเข้ (ใช้วุ้นว่างหางจระเข้าทาหัวสวนก็ได้)
-สบู่ วาสลิน ถ้าใช้ประจำไม่แนะนำให้ใช้ ถ้าแก้ขัดบางครั้งพอได้ เพราะถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ อาจแพ้ และอักเสบที่รูทวาร
การนอนระหว่างสวน
- การสวนในท่านอนตะแคงขวา การสวนกาแฟ นอนตะแคงขวา (เอาสะโพกขวาลงพื้น) 
บนผ้าหรือเสื่อ เหยียดขาขวาตรง งอเข่าซ้ายขึ้นมาหาหน้าอกในท่าเหมือนกอดหมอนข้าง 
จะหนุนหมอนเพื่อความสบายก็ได้ สอดหัวสวนเข้าที่รูทวารลึก 8-15 ซม. ตอนแรกจะสอดเข้าได้ไม่ลึก 
มีเทคนิคคือ ระหว่างนอนปล่อยน้ำดีท๊อกซ์ ให้ค่อยๆ ขยับสายสวนลึกเข้าไป 

การสวนในท่านอนหงาย ท่านี้เรียกว่า ท่าลิโท เป็นท่าที่ใช้เวลาคลอดลูก นับเป็น
ท่าทะมัดทะแมงที่สุด การสวนกาแฟเจ้าของต้องจัดการกับตัวเอง การเลือกสวน
ท่านี้ให้ความถนัดขณะเดียวกัน กาแฟก็ไม่อออยู่ในอุ้งเชิงกรานนาน สามารถเอ่อท้น
ไปยังลำไส้ท่อนที่ 3 ได้ง่าย จึงปวดถ่วงแต่น้อย เมื่อน้ำกาแฟไหลเข้าหมดแล้ว ปลดสายออก 
แล้วค่อยนอนตะแคงขวา น้ำกาแฟก็ไหลไปยังท่อนที่ 2 และ 1 ได้สะดวก 
ท่านี้จึงนับวันยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกที 

การสวนในท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่าคลาสสิกที่พยาบาลใช้สวนอุจจาระผู้ป่วย เรียกท่านี้ว่า
Left Sim’s Position คือนอนตะแคงซ้าย คุดคู้ งอสะโพก งอเข่า เอาเข่าจรดอก ตัวงอเหมือนกุ้ง 
ท่านี้อำนวยให้พยาบาลซึ่งเข้าหาผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงจากทางด้านขวาของเตียง
แล้วใช้มือขวาจับหัวสวนสอดเข้าทวารผู้ป่วยได้สะดวกที่สุด เมื่อเอาท่านี้มาประยุกต์ใช้สวนกาแฟ
ให้ตนเอง ท่านี้ทำได้ไม่ถนัดนัก แต่ข้อดีก็คือ น้ำกาแฟจะไม่อออยู่ตรงอุ้งเชิงกรานให้เกิดความ
ปวดถ่าย เพราะสามารถไหลไปยังลำไส้ท่อนที่ 3 ทันที
ท่านี้เหมาะสำหรับคนที่กลั้นไม่เก่ง เมื่อน้ำเข้าไปหมดแล้วจึงค่อยหันไปนอนตะแคงขวา
เพื่อให้น้ำกาแฟไหลผ่านไปยังท่อนที่ 2 และ 1 ได้เลย
ขั้นตอนปฏิบัติ 
1.แขวนหม้อสวน ถุงสวน หรือขวดสวน (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ที่ตะปู ก้นขวดสูงจากพื้น 2-3 ฟุต 

ไม่เกิน 1เมตร (ถ้าสูงมากความดันจะมากเกินไปน้ำไหลเร็ว กลั้นไม่ค่อยอยู่) ปิดวาล์วที่สายยาง 
ก่อนใส่น้ำดีท๊อกซ์ตามเหมาะสม 800-1,500 ซีซี

2. เปิดวาล์วให้น้ำไล่อากาศในสายยางจนหมด โดยดูที่น้ำจะเต็มสายยางแล้วปิดวาล์ว (ถ้าอากาศ

เข้าไปในท้อง ทำให้อึดอัด กลั้นไม่ได้นาน

3.นอนตะแคงขวา (สะโพกขวามลงพื้น) ขาขวาเหยียดตรง ขาซ้ายงอขึ้นมาหาอกเหมือนกอดหมอนข้าง

4. สอดหัวสวน ทาน้ำมันหล่อลื่น เช่น วิตามินอี ว่างหางจระเข้ หรือวาสลิน แล้วสอดเข้าไปในทวารลึกประมาณ 8-15 ซม.

5.เปิดวาล์วปล่อยดีท๊อกซ์จนหมด หายใจลึกๆผ่อคลาย

6. นอนหงาย ใช้ส้นมือนวดท้องทวนเข็มนาฬิกา อั้นน้ำดีท๊อกซ์ 10-15 นาที จึงไปห้องน้ำ

7. หลังดีท๊อกซ์ ควรดื่มน้ำผลไม้ (ไม่ใส่น้ำตาล) เช่น ฝรั่ง มะละกอ ชมพู่ เสาวรส เชอรี่ ฯลฯ 

ร่างกายจะดูดซึมได้ดี ทำให้กระปรี้กระเปร่า
***บุคคลที่ห้ามดีทอกซ์แบบสวน***
1.เด็กในวัยเจริญเติบโต
2.หญิงมีครรภ์
3. คนแพ้กาแฟ เช่น มีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจ ก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
4. คนที่มีลำไส้อุดตัน เช่นมีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่รอการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดลำไส้มาใหม่ๆ ควรรอให้แผลผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจก็ประมาณ 1 เดือนครึ่ง
6.คนที่ผ่าตัดลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง
7. คนที่ฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน ขณะนั้นลำไส้ใหญ่อาจถูกแสงมีอาการอักเสบ บวม ท้องเสีย
8. คนที่มีบาดแผลทางทวารหนัก
9. ผู้ป่วยโรคหัวใจ
10. ผู้ป่วยโรคความดัน ถ้าควบคุมความดันได้ จะทำก็ได้ โดยลองทีละนิดหรือใช้น้ำมะนาวก่อน 

เพราะมะนาวจะไม่กระตุ้นให้ความดันเพิ่มขึ้น


หมายเหตุ : บางกรณีผู้รู้วิธีทำ สามารถทำได้ เช่น ผู้ที่ผ่าตัดลำไส้เปิดทางหน้าท้อง บางท่านสามารถสวนกาแฟได้ หรือ เด็กถ้าหากมีโรคภัยไข้เจ็บมาก ผู้ใหญ่ที่รู้วิธีก็สามารถสวนกาแฟให้เด็กได้

ที่มา : รู้วิธีดีท๊อกซ์

 "พบกับ Blog รูปโฉมใหม่ของบ้านสุขภาพเขาใหญ่และบ้านสุขภาพปทุมธานี ได้ที่ http://บ้านสุขภาพล้างพิษตับ.blogspot.com/"